สัญญาณเตือน “โรคหัวใจ” ที่ไม่ควรละเลย
หลายคนอาจคิดว่าโรคหัวใจจะต้องมีอาการรุนแรงเท่านั้นถึงจะน่ากลัว แต่ความจริงแล้วอาการหลายอย่างมาแบบค่อยเป็นค่อย และหากสังเกตไม่ทัน อาจพลาดโอกาสรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ
มาดู “อาการสำคัญ” ที่ควรเฝ้าระวัง และควรเริ่มต้นตรวจเช็กหัวใจได้เลย
อาการที่ควรระวัง
- แน่นหน้าอก โดยเฉพาะเวลาทำกิจกรรมหรือออกแรง
- เหนื่อยง่ายผิดปกติ แม้แค่เดินหรือขึ้นบันได
- ใจสั่น หรือเต้นแรงจนรู้สึกได้
- หายใจไม่อิ่ม หรือหอบเหนื่อยบ่อย
- เวียนศีรษะ หน้ามืด เหมือนจะเป็นลม
- อ่อนเพลีย แม้ไม่ได้ทำอะไรหนัก
- นอนราบไม่ได้ ต้องนั่งหลับ
- ขาบวม น้ำหนักขึ้นเร็วผิดปกติ
ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้…
อย่าเพิ่งกังวลว่า “เป็นโรคหัวใจแน่ ๆ”
แนะนำให้เริ่มต้นด้วยการประเมินเบื้องต้น
จะเห็นได้ว่าอาการของโรคหัวใจนั้นมีหลากหลาย ตั้งแต่อาการแน่นหน้าอก, เหนื่อยง่ายผิดปกติ, ใจสั่น, หายใจไม่อิ่ม, เวียนศีรษะ, อ่อนเพลีย, นอนราบไม่ได้, ไปจนถึงขาบวมและน้ำหนักขึ้นเร็วผิดปกติ แต่เพื่อให้เข้าใจง่ายและจำได้ เราจะมาเจาะลึกเฉพาะ 4 อาการหลักที่พบบ่อยที่สุด และสำคัญที่สุดในการวินิจฉัยโรคหัวใจในระยะแรก
อาการทั้ง 8 นี้ครอบคลุมปัญหาหัวใจหลัก ๆ ได้แทบทั้งหมด หากคุณเข้าใจอาการเหล่านี้ดี คุณจะสามารถดูแลตัวเองและคนที่คุณรักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มาเริ่มทำความรู้จักกับ 8 อาการเตือนภัยสำคัญของโรคหัวใจกันเลย
เจ็บแน่นหน้าอก (Chest Pain)
อาการเจ็บหรือแน่นหน้าอกเป็นสัญญาณที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้ป่วยโรคหัวใจ โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะ หัวใจขาดเลือด (Ischemia)
- รู้สึกเหมือนมีของหนักกดทับที่หน้าอก
- อาการมักเกิดขณะออกแรง เช่น เดินเร็ว ยกของ หรือขึ้นบันได
- อาจมีอาการเจ็บร้าวไปที่แขน คอ หรือกราม โดยเฉพาะด้านซ้าย
หากเจ็บแน่นหน้าอกและอาการไม่ดีขึ้นแม้พัก ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว
เหนื่อยง่ายผิดปกติ แม้แค่เดินหรือขึ้นบันได
หากคุณรู้สึกว่าเหนื่อยเร็วกว่าปกติ แม้จะทำกิจกรรมเบา ๆ อย่างเดินไปห้องน้ำ ขึ้นบันไดไม่กี่ขั้น หรือเดินในบ้าน นั่นอาจเป็นสัญญาณว่า หัวใจของคุณทำงานหนักกว่าปกติ เพื่อส่งเลือดไปเลี้ยงร่างกาย
- เหนื่อยง่ายจนไม่อยากทำกิจวัตรประจำวัน
- ต้องหยุดพักบ่อย ๆ ขณะเดินหรือทำงานบ้าน
- ไม่มีแรง ทั้งที่พักผ่อนเพียงพอ
อาการนี้อาจเกิดจากหัวใจเริ่มสูบฉีดเลือดได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และควรได้รับการตรวจเพิ่มเติม
ใจสั่น หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
หัวใจที่เต้นเร็วหรือแรงผิดปกติจนรู้สึกได้ อาจเป็นสัญญาณของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เช่น Atrial fibrillation (AF) หรือชนิดอื่น ๆ
- บางคนรู้สึกเหมือน “หัวใจเต้นตุบ ๆ แรง ๆ” โดยไม่มีสาเหตุ
- อาจรู้สึกวูบ หน้ามืด หรือหมดสติร่วมด้วย
- หากหัวใจเต้นเร็วมาก อาจนำไปสู่หัวใจล้มเหลวในระยะยาว
หัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิดต้องได้รับการตรวจพิเศษ เช่น การติด Holter monitor หรือการตรวจ EPS
หายใจไม่อิ่ม หรือหอบเหนื่อยบ่อย
หากรู้สึกเหมือนหายใจไม่สุด ต้องพยายามหายใจลึก ๆ หรือเหมือน “ต้องสูดลมเพิ่ม” อยู่ตลอดเวลา
นั่นอาจเป็นผลมาจาก ภาวะหัวใจล้มเหลว หรือมีน้ำคั่งในปอด
- หายใจไม่เต็มปอด โดยไม่เกี่ยวกับการออกแรง
- หอบเหนื่อยตอนกลางคืน ต้องลุกขึ้นนั่งหายใจ
- ใช้แรงน้อยก็รู้สึกเหนื่อยจนพูดไม่ออก
อาการเหล่านี้ต่างจากเหนื่อยทั่วไป เพราะเกิดแม้ตอนพัก และมักแย่ลงเมื่อปล่อยไว้
เวียนศีรษะ หน้ามืด เหมือนจะเป็นลม
อาการเวียนศีรษะ หน้ามืด หรือเหมือนจะเป็นลม อาจดูไม่ร้ายแรง แต่หากเกิดซ้ำโดยไม่มีเหตุชัดเจน อาจเป็นสัญญาณว่า หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ
- เวียนหัว หรือหน้ามืดเมื่อลุกจากที่นั่งหรือเตียง
- เดินแล้วรู้สึกโงนเงน เหมือนจะล้ม
- รู้สึกเบลอ ขาดสมาธิ หูอื้อ หรือเห็นภาพมัวช่วงสั้น ๆ
อาการนี้อาจเกิดจากหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือความดันเลือดลดลงกะทันหัน หากปล่อยไว้โดยไม่ตรวจ อาจมีความเสี่ยงต่อการเป็นลมล้มลงหรือเกิดอุบัติเหตุได้
อ่อนเพลีย แม้ไม่ได้ทำอะไรหนัก
ถ้ารู้สึกว่าไม่มีแรง เพลียตลอดเวลา แม้จะไม่ได้ทำงานหนัก หรือแม้แต่หลังจากนอนพักเต็มที่
นั่นอาจเป็นสัญญาณว่า หัวใจของคุณทำงานหนักเกินไปโดยที่คุณไม่รู้ตัว
- รู้สึกหมดแรงตั้งแต่เช้า ทั้งที่นอนพอ
- เดินหรือทำงานบ้านแค่เล็กน้อยก็รู้สึกล้า
- ต้องพักบ่อย ๆ รู้สึกเหมือนพลังงานลดลงตลอดทั้งวัน
อาการอ่อนเพลียเรื้อรังแบบนี้ อาจเกิดจากหัวใจสูบฉีดเลือดได้น้อยลง ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในกลุ่มผู้ที่หัวใจเริ่มมีปัญหา แม้ยังไม่แสดงอาการชัดเจนทางอื่น
นอนราบไม่ได้ ต้องนั่งหลับ
ผู้ป่วยโรคหัวใจบางคน เมื่อเอนตัวหรือนอนราบจะรู้สึกหายใจไม่สะดวก หรืออึดอัดหน้าอก ทำให้ต้องลุกขึ้นมานั่งหลับแทน เพื่อให้กลับมาหายใจได้สะดวกขึ้น
- อาจตื่นกลางดึกเพราะรู้สึกหอบ หายใจไม่ออก
- รู้สึกดีขึ้นเมื่อยกศีรษะสูง หรือใช้หมอนหนุนหลายใบ
- พบได้บ่อยในภาวะหัวใจล้มเหลว หรือหัวใจบีบตัวอ่อนลง
หากอาการนี้เกิดขึ้นบ่อย อาจหมายถึงหัวใจไม่สามารถส่งเลือดกลับจากปอดได้เพียงพอ ทำให้เกิดน้ำคั่งในปอด
ขาบวม น้ำหนักขึ้นเร็วผิดปกติ
อาการบวมบริเวณเท้า ข้อเท้า หรือขา เป็นอีกหนึ่งสัญญาณของภาวะหัวใจทำงานผิดปกติ โดยเฉพาะหากเกิดร่วมกับน้ำหนักขึ้นแบบรวดเร็ว
- บวมทั้งสองข้างเท่า ๆ กัน (ต่างจากบวมจากเส้นเลือดดำที่มักเป็นข้างเดียว)
- รองเท้าที่เคยใส่สบายเริ่มแน่น
- น้ำหนักเพิ่มขึ้นหลายกิโลกรัมในช่วงเวลาสั้น ๆ
มักเกิดจากหัวใจด้านขวาทำงานลดลง ทำให้เลือดและของเหลวคั่งอยู่ในระบบไหลเวียน
ทำแบบประเมินความเสี่ยงง่าย ๆ ก่อนตัดสินใจไปโรงพยาบาล
แบบประเมินนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยคัดกรองเบื้องต้นโดยไม่ต้องวินิจฉัยเอง และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
หรือหากคุณยังไม่แน่ใจ? เราพร้อมเป็นที่ปรึกษาฟรี เพียงทักไลน์ (Line)
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาการ, แนวทางการตรวจและรักษา, การเบิกสิทธิรักษาพยาบาลต่าง ๆ เรามีเจ้าหน้าที่ที่พร้อมตอบคำถามเบื้องต้น ก่อนตัดสินใจเข้ารับการตรวจ
สรุป
อาการหลายอย่างอาจดูไม่รุนแรง แต่ถ้าเป็นซ้ำ หรือส่งผลต่อชีวิตประจำวัน ควรรีบตรวจเช็กหัวใจเพื่อความสบายใจของคุณเอง
การรู้เร็ว รักษาเร็ว คือกุญแจสำคัญของหัวใจที่แข็งแรงในระยะยาว ❤️